วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553
บริษัทจัดหางานมีรายได้มาจากไหน
ผมได้รับแรงบันดาลใจที่จะเขียนบทความนี้จากการได้อ่านเว็บบอร์ดหนึ่งที่เข้าใจไม่ค่อยจะถูกต้องสักเท่าไหร่เกี่ยวกับบริษัทจัดหางาน ในประเด็นคำถามเหล่านี้ ได้แก่
- ถ้าเราไปสมัครงานกับบริษัทจัดหางาน จะต้องจ่ายเงินค่าสมัครงานหรือไม่ ?
- ถ้าเราได้งานกับบริษัทที่เขาเสนอมา เขาจะหักค่าบริการจากเงินเดือนเราหรือเปล่า ?
- บริษัทจัดหางานเขามีรายได้จากไหน ?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนครับว่าลักษณะการจัดหางานมี 2 รูปแบบ คือ
1. การสรรหาเพื่อไปเป็นพนักงานของบริษัทลูกค้า เรียกว่า “ Recruit ” และ
2. ในลักษณะเป็นพนักงานของบริษัทจัดหางานแต่ไปทำงานให้บริษัทลูกค้า เรียกว่า “ Out Source ” หรือ “ Subcontract ” ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย
การสรรหาในลักษณะ Recruit เมื่อบริษัทจัดหางานสามารถทำการสรรหาพนักงาน ( Candidate ) มาให้บริษัทลูกค้าได้แล้ว บริษัทจัดหางานจะได้รับค่าจ้างที่เรียกว่า “Service Charge” โดยส่วนใหญ่คิดจากเปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งปีของ Candidate ที่จะได้รับ เช่น เซ็นต์สัญญากันว่า Service Charge เท่ากับ 10 % ของรายได้ทั้งปีของ Candidate
ยกตัวอย่าง ถ้า Candidate ได้เงินเดือน ๆ ละ 10,000 บาท ดังนั้นเงินเดือนทั้งปีของ Candidate จึงเท่ากับ 10,000 x 12 = 120,000 บาท เพราะฉะนั้น Service Charge (10 %) = 12,000 บาท หมายความว่า บริษัทจัดหางานจะมีรายได้ในครั้งนี้เท่ากับ 12,000 บาท
จะเห็นได้ว่า ถ้า Candidate ยิ่งเงินเดือนสูง นั่นหมายถึงรายได้ของบริษัทจัดหางานยิ่งสูงด้วย จึงไม่แปลกเลยที่บริษัทจัดหางานจะช่วย Candidate ต่อรองเงินเดือนให้ได้สูงที่สุดเท่าที่บริษัทลูกค้าจะจ่ายได้
แล้วการสรรหาในลักษณะ Out Source หรือ Subcontract ล่ะบริษัทจัดหางานจะมีรายได้อย่างไร และเราจะโดนบริษัทจัดหางานหักค่าหัวคิวหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
ป้ายกำกับ:
บริษัทจัดหางาน recruitment,
candidate,
out sourcing,
service charge
วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553
รู้จักกับบริษัทจัดหางาน
คำว่า “ บริษัทจัดหางาน ” หลาย ๆ คนอาจไม่รู้จัก แต่คนหางานอีกหลาย ๆ ท่าน อาจคุ้นเคยกับชื่อนี้บ้าง โดยเฉพาะคนที่ฝากประวัติไว้กับเว็บไซต์รับฝากประวัติต่าง ๆ ที่เป็นที่รู้จักกัน เช่น Jobthai, JobDB, JobBKK, Jobpassport และเว็บไซต์อื่น ๆ อีกหลายเว็บไซต์
ตัวผมเองในฐานะที่ทำงานอยู่ในวงการจัดหางานมานาน จึงอยากนำเสนอความรู้เกี่ยวกับบริษัทจัดหางานให้คนหางานได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
บริษัทจัดหางาน หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า “ Recruitment Company ” ซึ่งในวงการจัดหางานบ้านเราก็มีมากมายหลายบริษัท โดยเราจะทำหน้าที่สรรหาพนักงานให้กับบริษัทต่าง ๆ ซึ่งเราเรียกกันว่าบริษัทลูกค้า และพนักงานที่เราสรรหามานั้นเรียกว่า แคนดิเดต (Candidate)
โดยบริษัทจัดหางาน จะเสาะแสวงหาแคนดิเดตจากแหล่งต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่บริษัทลูกค้ากำหนดมา โดยในเบื้องต้นจะดูจากประวัติย่อ หรือที่เรียกว่า Resume ที่ฝากไว้ตามเว็บไซต์รับฝากประวัติดังที่กล่าวมาแล้ว โดยพิจารณาจากหลาย ๆ อย่างประกอบกัน ทั้งประวัติส่วนตัว การศึกษา ประสบการณ์การทำงาน
เมื่อคิดว่าเจอแคนดิเดตที่ใช่แล้ว จากนั้นจึงลงมือกดโทรศัพท์เพื่อเสนองาน เมื่อพูดคุยรายละเอียดงานและเสนองาน ถ้าแคนดิเดตคนนั้นสนใจในเนื้อหางานที่ตรงกับความต้องการของตนเอง รวมทั้งข้อเสนอเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการที่ตนจะได้รับ จากนั้นขั้นตอนต่อมาจึงเป็นการเชิญแคนดิเดตเข้ามาสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ ณ สำนักงานของบริษัทจัดหางาน เพื่อคุยในรายละเอียดที่มากขึ้น ทั้งประสบการณ์ของแคนดิเดต รายละเอียดงานที่จะเสนอ รวมทั้งรายได้และสวัสดิการที่แคนดิเดตจะได้รับ และที่สำคัญเพื่อดูบุคลิกของแคนดิเดตด้วย บริษัทจัดหางานหลาย ๆ แห่งจะถือโอกาสนี้ทำการทดสอบภาษาอังกฤษ หรือทดสอบทักษะด้านคอมพิวเตอร์ เพื่อให้มั่นใจว่าแคนดิเดตมีศักยภาพเหมาะสมกับตำแหน่งงานของบริษัทลูกค้า
จากนั้นจึงสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับแคนดิเดตที่คิดว่ามีศักยภาพแล้วส่งให้บริษัทลูกค้าพิจารณา ถ้าบริษัทลูกค้าสนใจที่จะสัมภาษณ์แคนดิเดตคนนั้น บริษัทจัดหางานจึงนัดหมายแคนดิเดตเพื่อเข้าสัมภาษณ์กับบริษัทลูกค้า ณ สำนักงานของบริษัทลูกค้าเพื่อพูดคุยงาน ถ้าหากบริษัทลูกค้าสนใจอยากให้แคนดิเดตคนนั้นมาร่วมงาน และแคนดิเดตก็สนใจร่วมงานด้วย การต่อรองเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการจึงเกิดขึ้น โดยส่วนใหญ่บริษัทจัดหางานจะช่วยแคนดิเดตต่อรองเงินเดือนด้วย ต่อจากนั้นการเซ็นต์สัญญาและนัดหมายวันเริ่มงานจะเป็นขั้นตอนต่อมาครับ ซึ่งสถานะภาพการจ้างงานระหว่างบริษัทลูกค้ากับแคนดิเดตก็มีทั้งเป็นพนักงานประจำของบริษัทลูกค้าโดยตรงหรือเป็นพนักงานสัญญาจ้าง (Subcontract) ซึ่งจะต้องระบุไว้ให้ชัดเจนในสัญญาจ้างตามกฎหมายแรงงาน
เป็นอย่างไรบ้างครับ บทความนี้พอจะทำให้มองเห็นการทำงานของบริษัทจัดหางานบ้างแล้ว ถ้าหากท่านได้รับโทรศัพท์เสนองานท่านมีสิทธิ์ที่จะสอบถามได้ว่างานที่จะให้ทำเป็นอย่างไร Scope งานมากน้อยแค่ไหน ทำงานที่ไหน สัญญาจ้างเป็นพนักงานหรือเป็น Subcontract ที่สำคัญเรื่องรายได้และสวัสดิการ ถามได้ครับ แต่ต้องถามให้เป็น จะเขียนประวัติอย่างไรจึงมีคนโทรเสนองาน จะนำเสอในโอกาสต่อไป ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)